PROUD - NOBLE เปิดดีล 2 โครงการ Nue District R9 และ Nue Cross Khu Khot Station มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,623 ล้านบาท
บมจ. พราว เรียล เอสเตท “PROUD” ผนึก บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ “NOBLE” เปิดดีล 2 โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station) มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,623 ล้านบาท หนุนผลงาน PROUD เติบโตก้าวกระโดด Backlog แตะ 10,000 ล้านทันที NOBLE จ่อรับรู้กำไรพิเศษ Q3/66 พร้อมกาง Roadmap เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่สร้างการเติบโต ตอกย้ำการเป็นผู้นำอสังหาฯชั้นนำของประเทศ
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “PROUD” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ลงนามสัญญาซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด (“KK”) และ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด (“PA9”) ในสัดส่วน 100% จาก บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (“TNLA”) โดยทั้งสองบริษัทดำเนินงานพัฒนาใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station )
สำหรับการลงทุนซื้อ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,735 ล้านบาท โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) มียอดขาย (pre-sales) แล้ว 100% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ในต้นปี 2567 และโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มียอดขาย (pre-sales) แล้ว 83% คาดรับรู้รายได้ภายในปี 2568 โดยทั้ง 2 โครงการจะทยอยรับรู้รายได้ทันในปี 2567-2568 ผลักดันให้บริษัทมี Backlog แตะ 10,000 ล้าน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,180 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) เพื่อระดมทุนจำนวน 2,490 ล้านบาท แบ่งเป็น การออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ PROUD (Right Offering : RO) ในอัตราส่วน 1.80 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าไม่เกิน 624 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นเงินทุนและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน อีกประมาณ 1,890 ล้านบาท
“PROUD ประกาศแผนธุรกิจหลังเทิร์นอะราวนด์สำเร็จทั้งรายได้-กำไร ในผลประกอบการไตรมาส 1/2566 จากความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคง บริษัทฯ จึงได้มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และพอร์ตโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้นทั้งทำเลที่ตั้งและกลุ่มลูกค้า สอดรับกลยุทธ์แผนการดำเนินงาน สำหรับความร่วมมือกันครั้งนี้ ถือเป็นสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ PROUD ผลักดันให้รายได้ แตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นการขยายฐานทุน เพิ่มขีดความสามารถทางการเงินและศักยภาพของบริษัทฯ พร้อมสร้างโอกาสการเติบโต (Scale Up) อย่างยั่งยืน และติดอันดับ Top10 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า”
ด้าน นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)“NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่าการจำหน่าย 2 โครงการภายใต้บริษัทร่วมทุน 2 แห่งดังกล่าว ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการต่อยอดธุรกิจ ภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท ซึ่งจากการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การต่อยอดและการเติบโตให้กับ NOBLE และ PROUD ในอนาคต
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯ ทำรายการขายทั้ง 2 โครงการดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทฯ ที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR) ) จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล โดยโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการขายอย่างสูง
“มูลค่าขายของทั้ง 2 โครงการถือเป็นการขายในมูลค่าที่สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของกำไรที่รับรู้ได้และกระแสเงินสดที่ได้กลับมา รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะได้รับมากขึ้นจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่สูงขึ้น หากเทียบกับการถือครองจนจบโครงการในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ทำให้มองว่าการขายในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากนี้การขายโครงการดังกล่าวยังเป็นการปรับ Portfolio ของโครงการร่วมทุนเพื่อที่จะเพิ่มโครงการร่วมทุนใหม่ๆในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการร่วมทุนกับ TNLA รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม 34,800 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการในบทบาทเดิม ซึ่งโครงการจะถูกบริหารภายใต้ บริษัทฯ เช่นเดิมทุกประการ รวมถึงชื่อโครงการ การก่อสร้างตามข้อผูกพันเดิมกับลูกค้าตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย รวมไปถึงการบริหารโครงการหลังการขายและการรับประกันผลงานการก่อสร้าง เพื่อให้ไม่มีผลกระทบใดๆ กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นใน PA9 และ KK รวมถึงเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้นบางส่วนจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 ส่งผลให้บริษัทฯ จะสามารถบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 3/2566
Nue District R9
อย่างไรก็ดี สำหรับภาพรวมอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” ให้ความเห็นว่า หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอตัว ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อภาคธุรกิจมากขึ้น โดยเห็นจากตัวเลขยอดขายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่าง ไต้หวัน, เมียรมาร์, ฮ่องกง, สิงคโปร์และรัสเซีย ซึ่งมีการย้ายที่อยู่อาศัยหรนีสงคราม ทำให้ยอดขายอสังหาฯในภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดด และลูกค้ากำลังมีความต้องการซื้อในโซนหัวหินเพื่อมมากขึ้นด้วย ส่วนลูกค้าจีนช่วงครึ่งปีแรกยังกลับมาไม่เต็มที่ แต่คาดว่ากลุ่มนี้จะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ในส่วนของความหวังจากรัฐบาลใหม่ นายธงชัย กล่าวว่า ในมุมมองของภาคธุรกิจยังต้องการเห็นการดำเนินนโยบายแบบมีเสถียรภาพ โดยคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาขับเคลื่อน เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ให้เป็นไปตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลใหม่ควรจะกำหนด จัดลำดับความสำคัญของนโยบายเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายด้านการค้ามองว่าควรค่อยๆ เปลี่ยนแปลงระบบเพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจ เพราะหากมีการเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดอาจส่งผลเสียต่อภาคธุรกิจไทยได้
ทางด้าน นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “PROUD” กล่าวว่า อสังหาฯไทยมีจุดเด่นที่หลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจเข้ามาซื้ออยู่อาศัย ซื้อลงทุนต่อเนื่อง แต่หลังจากนี้คาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายที่สนับสนุนต้อนรับให้ชาวต่างชาติเข้ามาไทยมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นนโยบายที่เกิดตั้งแต่ต้นน้ำก่อนที่ต่างชาติจะเข้ามา เช่น นโยบายด้านภาษี, ความปลอดภัย รวมถึงการดูแลยกระดับตลาดทุนไทย ให้ประโยชน์ได้เข้าถึงประชาชนได้หลากหลาย ผ่านการออม บำนาญ ภาษี เป็นต้น